Thursday, June 30, 2011

Internet Explorer 10 Platform Preview 2 is now available for download

ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Internet Explorer 10 Platform Preview 2
28 มิถุนายน 2554: ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Internet Explorer 10 Platform Preview 2 ได้แล้ว โดยในรีลีสนี้จะใช้ HTML5 Engine แบบเดียวกับที่ใช้ใน Windows 8 ที่ไมโครซอฟท์ได้สาธิตการทำงานในงาน D9 Conference เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

การออก IE10 Platform Preview 2 ในครั้งนี้เพื่อให้นักพัฒนาเว็บไซต์ได้ทดลองใช้ความสามารถในการรองรับเทคโนโลยี Site-ready HTML5 และทดลองใช้งานเครื่องมือต่างๆ ที่มีใน IE10 อย่างไรก็ตามเวอร์ชัน Platform Preview จะนำเสนอเพียงความสามารถบางส่วนที่จะมีใน IE10 เวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์เท่านั้น ดังนั้น บางคุณสมบัติยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ และอาจมีการเปลี่ยนแปลง หรืออาจมีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ใน IE10 เวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ยังไม่ได้กำหนดวันออก IE10 เวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์

Wednesday, June 29, 2011

ไมโครซอฟท์ออก Service Pack 1 สำหรับ Microsoft Office 2010

28 มิถุนายน 2554: ไมโครซอฟท์ออก Service Pack 1 (SP1) สำหรับ Microsoft Office 2010 เวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ให้ผู้ใช้ทั่วไปแล้ว โดย SP1 ซึ่งมีหมายเลขเวอร์ชันเป็น 14.0.6023.1000 นี้เป็นการอัพเดทครั้งใหญ่ในรอบกว่า 1 ปี (Microsoft Office 2010 GA ออกเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553) ของชุดโปรแกรม Microsoft Office 2010 ทั้งนี้ SP1 จะแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดสำหรับ Microsoft Office 2010 รุ่น 32-bit และชุดสำหรับ Microsoft Office 2010 รุ่น 64-bit

Google Chrome 12.0 .742.112 Stable released to address multiple vulnerabilities

กูเกิลออก Google Chrome 12.0.742.112 Stable เพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัยและอัปเดท Flash Player
12 กรกฎาคม 2554: กูเกิลออก Google Chrome 12.0.742.112 Stable ใหม่ (Re-releases) ซึ่งในเวอร์ชันที่ออกใหม่นี้จะอัพเดทปลั๊ก-อิน Adobe Flash Player เป็นเวอร์ชัน 10.3.181.34

วันที่ 28 มิถุนายน 2554 (เวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา): กูเกิลออก Google Chrome 12.0.742.112 Stable เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows, Mac, Linux และ Chrome Frame โดยในเวอร์ชันนี้ได้รับการแก้ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้าจำนวน 7 ปัญหา (ปัญหาร้ายแรงสูง 6 ปัญหา และแรงกลาง 1 ปัญหา) ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์ใช้ทำการรันโค้ดอันตรายเพื่อโจมตีหรือเข้าควบคุมระบบได้ นอกจากนี้ยังได้ทำการอัปเดทปลั๊กอินอะโดบีแฟลชเพลเยอร์ (Adobe Flash Player) เป็นเวอร์ชัน 10.3.181.34 ซึ่งได้รับการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยแล้ว (อะโดบียังไม่เปิดเผยรายละเอียดการแก้ไข) ดังนั้น เพื่อให้การท่องอินเทอร์เน็ตเป็นไปด้วยความปลอดภัย ขอแนะนำผู้ใช้ Google Chrome 12.0.742.100 หรือเก่ากว่าทำการอัปเดทในทันทีที่ทำได้

การดาวน์โหลดและการติดตั้ง Google Chrome 12.0.742.112
Google Chrome 12.0.742.112 สามารถทำงานได้บน Windows XP, Windows Vista และ Windows 7 โดยผู้ใช้ใหม่สามารถติดตั้งโดยใช้เบราเซอร์เปิดไปที่เว็บไซต์ Install Google Chrome แล้วคลิก ดาวน์โหลด Google Chrome จากนั้นดำเนินการคำสั่งบนจอภาพจนการติดตั้งแล้วเสร็จ หรือดาวน์โหลดตัวติดตั้ง (Offline Standalone Installer) ของ Google Chrome จากเว็บไซต์ Download Google Chrome 12.0.742.112 มาทำการติดตั้งด้วยตนเอง

สำหรับผู้ใช้ที่ทำการติดตั้ง Google Chrome เวอร์ชัน 12.0.742.100 หรือเก่ากว่าบนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปโปรแกรมจะทำการอัปเดทเป็นเวอร์ชันใหม่ให้โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม สามารถทำการอัปเดทด้วยตนเองได้โดยการคลิกบนไอคอนรูปเครื่องมือในหน้าต่างโปรแกรม Google Chrome จากนั้นเลือกคำสั่ง About Google Chrome แล้วรอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ จากนั้นทำการรีสตาร์ท (Relaunch) โปรแกรมเพื่อให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์

Google Chrome 12.0.742.112

การแก้ปัญหาใน Google Chrome 12.0.742.112
Google Chrome 12.0.742.112 จะได้รับการอัปเดทปลั๊กอิน Adobe Flash Player เป็นเวอร์ชัน 10.3.181.34 และมีการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยจำนวน 7 ประเด็นดังนี้
  • [77493] CVE-2011-2345: Out-of-bounds read in NPAPI string handling. Credit to Philippe Arteau. [$1000] (Medium)
  • [84355] CVE-2011-2346: Use-after-free in SVG font handling. Credit to miaubiz. (High)
  • [85003] CVE-2011-2347: Memory corruption in CSS parsing. Credit to miaubiz. [$1000] (High)
  • [85102] CVE-2011-2350: Lifetime and re-entrancy issues in the HTML parser. Credit to miaubiz. [$500] (High)
  • [85177] CVE-2011-2348: Bad bounds check in v8. Credit to Aki Helin of OUSPG. [$500](High)
  • [85211] CVE-2011-2351: Use-after-free with SVG use element. Credit to miaubiz. [$1000] (High)
  • [85418] CVE-2011-2349: Use-after-free in text selection. Credit to miaubiz. [$1000] (High)

หมายเหตุ:
[$x,xxx] คือจำนวนเงินรางวัลที่กูเกิลมอบให้แก่ผู้ที่ค้นพบปัญหาความปลอดภัย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.

Tuesday, June 28, 2011

Windows Server 2008 R2 SP1 fails to install with "Error: 0x800F0818"

วิธีการแก้ปัญหา Error: 0x800F0818 เมื่อติดตั้ง SP1 บน Windows Server 2008 R2
สำหรับผู้ใช้ Windows Server 2008 R2 (หรือ Windows 7) อาจจะพบปัญหาความผิดพลาด Error: 0x800F0818 เมื่อพยายามทำการติดตั้ง Service Pack 1 (SP1) โดยความผิดพลาดดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นหลังขั้นตอนการยอมรับข้อตกลงการใช้งาน (License terms) โดยเมื่อทำการเลือกเช็คบ็อกซ์ "I accept the license terms" ดังรูปที่ 1. จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Installation is not succesful และข้อความผิดพลาด "Error: 0x800F0818" ดังรูปที่ 2. และจะไม่สามารถดำเนินการติดตั้ง SP1 ต่อไปได้ โดยต้องคลิก Close เพื่อจบการติดตั้ง

Oracle VM VirtualBox 4.0.10 Build 72479 Released

Oracle ออก VM VirtualBox 4.0.10 Build 72479 เพื่อปรับปรุงการทำงาน

โอราเคิลออก Oracle VM VirtualBox 4.0.10 Build 72479 (นิยมเรียกสั้นๆ ว่า VirtualBox) เป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์สสำหรับใช้ทำการจำลองระบบคอมพิวเตอร์ (Virtualization) บนระบบ x86 และ AMD64/Intel64 ซึ่งพัฒนาโดย Oracle (ก่อนหน้านี้เป็น Sun Microsystems ซึ่งปัจจุบันถูกซื้อกิจการโดย Oracle) สามารถใช้งานได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายภายใต้ไลเซนส์แบบ GNU General Public License (GPL) โดย VirtualBox เป็นซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีคุณสมบัติให้ใช้งานหลากหลายจึงเป็นโซลูชั่นระดับมืออาชีพที่สามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งการใช้งานภายในบ้านและในเอนเทอร์ไพรส์ (Enterprise)

VirtualBox 4.0.10 Build 72479 ออกวันที่ 27 มิถุนายน 2554 เป็นเวอร์ชันย่อยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงการและแก้ปัญหาการทำงานที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้า (Maintenance release) โดยมีรายละเอียดตามหัวข้อ "การปรับปรุงใน VirtualBox 4.0.10 Build 72479:" ด้านล่าง

คุณสมบัติเด่นของ VirtualBox
สำหรับคุณสมบัติเด่นของ VirtualBox 4.0.x มีดังนี้
1. Modularity มีการออกแบบแยกเป็นโมดูลและมีการออกแบบอินเทอร์เฟชภายในที่ดี ทำให้การควบคุมจัดการทำได้ง่ายและหลากหลาย เช่น สามารถทำการสตาร์ทเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ด้วยอินเทอร์เฟชแบบ GUI และทำการควบคุมเวอร์ชวลแมชชีนจากคอมมานด์ไลน์ หรือควบคุมจากระยะไกล
2. Virtual machine descriptions in XML ค่าการคอนฟิกเวอร์ชันของเวอร์ชวลแมชชีนจะถูกเก็บอยู่ในรูปแบบไฟล์ XML และเป็นอิสระจากเครื่องโลคอลแมชชีน ทำให้การย้ายระบบเวอร์ชวลแมชชีนทำได้ง่ายขึ้น
3. Guest Additions for Windows and Linux สามารถทำการติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมบนเวอร์ชวลแมชชีน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
4. Shared folders การแชร์ข้อมูลระหว่าง Host และ Guest สามารถทำได้ง่าย
5. Virtual USB Controllers มีการจำลอง USB controller บนเวอร์ชวลแมชชีน ทำให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ USB ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเติม
6. Remote Desktop Protocol สามารถรองรับกับโปรโตคอล RDP ได้อย่างเต็มรูปแบบ
7. USB over RDP เครื่องเวอร์ชวลแมชชีนสามารถแอคเซสกับอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่อง Remote Client ได้

ดาวน์โหลด VirtualBox
สำหรับผู้ที่สนใจใช้งานสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม VirtualBox 4.0.10 Build 72479 เวอร์ชันสำหรับ Windows มาใช้งานได้ฟรีที่เว็บไซต์ Download VirtualBox 4.0.10 Build 72479 for Windows สำหรับเวอร์ชันบนระบบปฏิบัติการอื่นๆ สามารถดูรายละเอียดการดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download VirtualBox

การปรับปรุงใน VirtualBox 4.0.10 Build 72479 (released 2011-06-27)
VirtualBox 4.0.10 Build 72479 ได้รับการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการทำงานในด้านต่างๆ ให้มีความเสถียรมากขึ้น ดังต่อไปนี้
- GUI: fixed disappearing settings widgets on KDE hosts (bug #6809)
- Storage: fixed hang under rare circumstances with flat VMDK images
- Storage: a saved VM could not be restored under certain circumstances after the host kernel was updated (bug #8983)
- Storage: refuse to create a medium with an invalid variant (for example Split2G with VDI; bug #7227)
- Snapshots: none of the hard disk attachments must be attached to another VM in normal mode when creating a snapshot
- USB: fixed occasional VM hangs with SMP guests (bug #4580)
- USB: proper device detection on RHEL/OEL/CentOS 5 guests (partial fix for bug #8978)
- ACPI: force the ACPI timer to return monotonic values for improve behavior with SMP Linux guests (bug #8511 and others)
- RDP: fixed screen corruption under rare circumstances (bug #8977)
- rdesktop-vrdp: updated to version 1.7.0
- OVF: under rare circumstances some data at the end of a VMDK file was not written during export
- Mac OS X hosts: Lion fixes (bug #8903)
- Mac OS X hosts: GNOME 3 fix
- Linux hosts: fixed VT-x detection on Linux 3.0 hosts (bug #9071)
- Linux hosts: fixed Python 2.7 bindings in the universal Linux binaries
- Windows hosts: fixed leak of thread and process handles
- Windows Additions: fixed bug when determining the extended version of the Guest Additions (4.0.8 regression; bug #8948)
- Solaris Additions: fixed installation to 64-bit Solaris 10u9 guests (4.0.8 regression)
- Linux Additions: RHEL6.1/OL6.1 compile fix
- Linux Additions: fixed a memory leak during VBoxManage guestcontrol execute (bug #9068)

ความต้องการระบบของ VirtualBox 4.0.x
VirtualBox 4.0.x สามารถรองรับการทำงานบนโฮสต์ (Host OS) ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows, Linux, Macintosh และ OpenSolaris และสามารถรองรับกับระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เสมือนใน VirtualBox (Guest OS) ได้เป็นจำนวนมากรวมถึง Windows 7 ทั้งเวอร์ชัน 32-bit (x86) และ 64-bit (x64) โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ยูอาร์แอล http://download.virtualbox.org/virtualbox/UserManual.pdf

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, June 27, 2011

"STOP: 0x0000007F" error occurs in Windows 7 SP1 or Windows Server 2008 R2 SP1

วิธีแก้ความผิดพลาด STOP: 0x0000007F ใน Windows 7 SP1 และ Windows Server 2008 R2 SP1

ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 SP1 และ Windows Server 2008 R2 SP1 อาจประสบปัญหาระบบหยุดตอบสนองการทำงาน (Stop Responding) เมื่อทำการถ่ายโอนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นผ่านทางการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบมีสาย (Wired) หรือไร้สาย (Wireless) หรือเมื่อทำการรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์หลังจากคอนฟิกให้ทำการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายไร้สายโดยอัตโนมัติ หรือเมื่อทำการออกจากโหมดสลีปหรือจำศีล (Hibernation) โดยระบบแสดงข้อความผิดพลาดดังต่อไปนี้

Microsoft is ending support for Windows Vista Service Pack 1 (SP1) on July 12, 2011

ไมโครซอฟท์จะหยุดซัพพอร์ต Windows Vista Service Pack 1 หลังวันที่ 12 ก.ค. 54
ไมโครซอฟท์ได้ประกาศถึงผู้ที่กำลังใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Vista Service Pack 1 (SP1) ให้เตรียมแผนการอัพเดท อัพเกรด หรือไมเกรตระบบไปเป็น Windows เวอร์ชันที่ใหม่กว่า เนื่องจากการซัพพอร์ตกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 กรกฏาคม 2554 ที่จะถึงนี้ ซึ่งนับจากวันนี้ (27 มิถุนายน 2554) เหลือเวลาเพียง 16 วันเท่านั้น โดยหลังจากสิ้นสุดการซัพพอร์ตไมโครซอฟท์จะไม่ทำการพัฒนาและออกอัปเดท (แบบไม่มีค่าใช้จ่าย) สำหรับ Windows Vista SP1 อีกต่อไป โดยวิธีการแก้ไขสำหรับผู้ใช้ Windows Vista SP1 นั้นไมโครซอฟท์แนะนำให้ทำการอัพเดทเป็น Service Pack 2 (SP2) หรืออัพเกรดไปเป็น Windows 7

Saturday, June 25, 2011

Windows 8 General Availability to be released in Autumn 2012, Possibly September

Windows 8 General Availability (GA) จะออกในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2012
หลังจากไมโครซอฟท์ได้สาธิตการทำงาน Windows 8 อย่างทางการในงาน D9 Conference เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา (อ่านรายละเอียดได้จากบทความเรื่อง ไมโครซอฟท์สาธิตการทำงาน Windows 8 อย่างทางการ) เรื่องหนึ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์อยากทราบรายละเอียดมากคือ Windows 8 จะออกเมื่อไหร่? แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีการประกาศวันออกอย่างเป็นทางการจากไมโครซอฟท์ โดยไมโครซอฟท์เพียงแต่ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า Windows 8 จะออกหลังจาก Windows 7 ภายในเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นไปตามโร้ดแมพของการพัฒนาระบบปฏิบัติการเดสก์ทอปของไมโครซอฟท์ซึ่งวางแผนการออก Windows เวอร์ชันใหม่ในทุกๆ 3 ปี

Friday, June 24, 2011

รีวิวและภาพหน้าจอ Windows 8 Pre-release (Build 7989) x64

ไมโครซอฟท์ได้สาธิตการทำงาน Windows 8 อย่างทางการในงาน D9 Conference ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา (อ่านรายละเอียดได้จากบทความเรื่อง ไมโครซอฟท์สาธิตการทำงาน Windows 8 อย่างทางการ) และมีรายงานว่ามี Windows 8 บิลด์ต่างๆ รั่วออกอินเทอร์เน็ตเป็นระยะรวมถึง Windows 8 Pre-release (Build 7989) x64 เป็นบิลด์ล่าสุดที่รั่วออกอินเทอร์เน็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บทความนี้จะเป็นมินิรีวิวและภาพหน้าจอของ Windows 8 Pre-release (Build 7989) x64 ซึ่งเป็นหลักไมล์ที่ 3 (Milestone 3) ของการพัฒนาและเป็นเวอร์ชันก่อนที่จะพัฒนาเป็นเวอร์ชัน Beta

Thursday, June 23, 2011

New Windows Live SkyDrive optimized with HTML5, faster, easier, more beautiful

ไมโครซอฟท์ปรับปรุง SkyDrive โดยใช้ HTML5 เพื่อให้ทำงานเร็วขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น และสวยงามมากขึ้น
วันที่ 21 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ทำการปรับปรุงบริการ SkyDrive ซึ่งเป็นบริการพื้นที่เก็บข้อมูลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud) ฟรีขนาด 25 GB ที่สามารถใช้เก็บและแชร์ข้อมูลซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากทุกๆ ที่ผ่านทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงสำหรับใช้เก็บไฟล์เอกสาร Word PowerPoint หรือ Excel ของบริการ Office Web Apps อีกด้วย โดยในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ SkyDrive มากกว่า 100 ล้านคน

การปรับปรุง SkyDrive ในครั้งนี้ จะใช้ประโยชน์จากโปรแกรมเว็บเบาเซอร์สมัยใหม่อย่างเช่น Internet Explorer 9 และ HTML5 เพื่อให้การใช้งาน SkyDrive สามารถทำได้เร็วขึ้น (Faster) เนวิเกตง่ายขึ้น (Easier to navigate) และระบบยูสเซอร์อินเทอร์เฟชสำหรับการดูภาพที่สวยงามและใช้งานได้ง่ายขึ้น (More beautiful and fluid for photos) โดยไมโครซอฟท์จะทยอยเปิดให้บริการเวอร์ชันใหม่ของ SkyDrive แก่ผู้ใช้บริการซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 100 ล้านคนในเร็วๆ นี้

Wednesday, June 22, 2011

Antimalware Engine 1.1.7000.0 released to Microsoft Security Essentials

ไมโครซอฟท์อัปเดท Antimalware Engine ของ Microsoft Security Essentials เป็นเวอร์ชัน 1.1.7000.0
วันที่ 20 มิถุนายน 2554 (ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา) ไมโครซอฟท์ได้ทำการอัปเดท Antimalware Engine ของโปรแกรม Microsoft Security Essentials (MSE) 2.0 เป็นเวอร์ชัน 1.1.7000.0 (เวอร์ชันก่อนคือ 1.1.690x.0) โดยไมโครซอฟท์ชี้แจงว่าการอัปเดทในครั้งนี้เป็นการอัปเดทเทคโนโลยีการป้องกันมัลแวร์ตามแผนปกติ และนอกจากทำการอัปเดท Antimalware Engine ของโปรแกรม MSE แล้ว ไมโครซอฟท์ยังได้ทำการอัปเดทโปรแกรม Forefront Client Security (FCS), Forefront Endpoint Protection (FEP) และ Windows Intune Endpoint Protection (IEP) อีกด้วย โดยไฟล์ซิกเนเจอร์แพ็คเกจแรกที่จะมาพร้อม Antimalware Engine เวอร์ชันใหม่คือเวอร์ชัน 1.107.49.0

Monday, June 20, 2011

Turning on BitLocker Drive Encryption on System Drive in Windows 7

การเข้ารหัสไดรฟ์ระบบของ Windows 7 ด้วย BitLocker Drive Encryption
BitLocker Drive Encryption เป็นคุณสมบัติของ Windows 7 ที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ โดยการเข้ารหัสข้อมูลที่เก็บอยู่ในไดรฟ์หรือพาร์ติชันด้วยรหัสผ่านที่ผู้ใช้เป็นผู้กำหนด อย่างไรก็ตาม BitLocker Drive Encryption นั้นจะมีเฉพาะใน Windows 7 รุ่น Ultimate และ Enterprise เท่านั้น โดย BitLocker ใน Windows 7 นั้นสามารถใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลได้ทั้งไดรฟ์ข้อมูลและไดรฟ์ระบบ (ไดรฟ์ที่ติดตั้ง Windows 7) รวมถึงอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพา อย่างไรก็ตาม ในการเข้ารหัสข้อมูลไดรฟ์ระบบของ Windows 7 นั้น โดยดีฟอลท์เครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องมีและเปิดใช้งาน Trusted Platform Module (TPM) และจะต้องทำการเริ่มต้น Trusted Platform Module (TPM) ก่อนตามวิธีการที่อธิบายในบทความเรื่อง การเริ่มต้น Trusted Platform Module (TPM) ใน Windows 7

Sunday, June 19, 2011

Microsoft updates Internet Explorer 9 to version 9.0.1

ไมโครซอฟท์อัพเดท Internet Explorer 9 เป็นเวอร์ชัน 9.0.1
สืบเนื่องจากในวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดทหมายเลข MS11-050: Cumulative Security Update for Internet Explorer (2530548) เพื่อแก้ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤตใน Internet Explorer 9 (IE9) รวมถึง IE เวอร์ชัน 6, 7 และ 8 ซึ่งช่องโหว่ความปลอดภัยดังกล่าวนั้นสามารถใช้เป็นช่องทางเพื่อทำการรันโค้ดอันตรายเพื่อโจมตีระบบจากระยะไกล (Remote code execution) ได้ถ้าทำการเข้าเยิ่ยมชมหน้าเว็บที่มีการฝังโค้ดอันตรายด้วย IE เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ และถ้าการโจมตีประสบความสำเร็จผู้โจมตีก็จะได้รับสิทธิ์ในระดับเดียวกับสิทธิ์ของผู้ใช้ในขณะที่ถูกโจมตี

How to initialize Trusted Platform Module (TPM) in Windows 7

การเริ่มต้น Trusted Platform Module (TPM) ใน Windows 7
ใน Windows 7 นั้นมีคุณสมบัติ BitLocker Drive Encryption ซึ่งช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ โดย BitLocker จะทำการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดที่เก็บอยู่ในไดรฟ์หรือพาร์ติชันด้วยรหัสผ่านที่ผู้ใช้เป็นผู้กำหนดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการที่จะทำการเข้ารหัสข้อมูลพาร์ติชันระบบของ Windows 7 นั้นจะต้องใช้ควบคู่ไปกับ Trusted Platform Module (TPM) ในบทความนี้ผมจะสาธิตวิธีการเริ่มต้น TPM (Initialize TPM) ใน Windows 7 ก่อนที่จะสาธิตการเข้ารหัสข้อมูลพาร์ติชันระบบของ Windows 7 ในบทความถัดไป

ทั้งนี้ วิธีการที่อธิบายในบทความนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 R2

Saturday, June 18, 2011

Download Firefox 5.0 Final

ดาวน์โหลด Firefox 5.0 Final ได้แล้ว
11 ก.ค.54: โมซิลลาออก Firefox 5.0.1 ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download Firefox 5.0.1 for Windows (32-bit) - US
21 มิ.ย 54 - 22.00 น.:โมซิลลาออก Firefox 5.0 Final อย่างเป็นทางการ
18 มิ.ย 54 - 11.00 น.:ผู้ใช้ Firefox 5.0 Beta 7 สามารถอัปเดทเป็น Firefox 5.0 Final ได้แล้ว

โมซิลลากำหนดวันออก Firefox 5.0 Final ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ในวันอังคารที่ 21 มิถุนายน 2554 สัปดาห์หน้า แต่ ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2554 มีรายงานว่า Firefox 5.0 Final นั้นพัฒนาเสร็จสมบูรณ์ถูกอัปโหลดขึ้นเซิร์ฟเวอร์ FTP ของโมซิลลาเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามโมซิลลายังไม่ได้เปิดให้ดาวน์โหลดแก่ผู้ใช้ทั่วไปอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่ากำลังเตรียมความพร้อมของระบบ เอกสารที่เกี่ยวข้อง และการซัพพอร์ตในด้านต่างๆ

Firefox 5.0 มีคุณสมบัติใหม่หลายอย่าง ได้แก่ การรองรับ CSS animations ซึ่งจะทำให้นักพัฒนาเว็บสามารถสร้างเนื้อหาเว็บที่ตื่นตาตื่นใจมากขึ้น และ Switching Firefox Channels ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถสลับการใช้งานระหว่างเวอร์ชัน Aurora, Beta และ Release (หรือ Final) ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ได้ง่ายขึ้น และคุณสมบัติใหม่ที่สำคัญคือ Do-Not-Track ซึ่งจะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวในการท่องอินเทอร์เน็ตให้กับผู้ใช้โดยการป้องกันการถูกติดตามจากเว็บไซต์ต่างๆ

นอกจากนี้ Firefox 5.0 ยังได้รับการปรับปรุงการทำงานในหลายด้าน ได้แก่ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของ Canvas, JavaScript, Memory และ Networking ปรับปรุงการรองรองรับ HTML5, XHR, MathML, SMIL, และ Canvas ปรับปรุงการตรวจสอบคำผิดในภาษาท้องถิ่น (บางภาษา) รวมถึงปรับการทำงานในสภาพแวดล้อมเดสก์ทอปบนระบบลีนุกซ์ให้ดียิ่งขึ้น

ดาวน์โหลด Firefox 5.0 Final
ในขณะที่เขียนบทความนี้ (เวลา 10.00 น. ของวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2554) โมซิลลายังไม่ได้ออก Firefox 5.0 Final อย่างเป็นทางการ แตาสามารถดาวน์โหลดได้จากเซิร์ฟเวอร์ FTP ของโมซิลลาที่ Download Firefox 5.0 Final for Windows 32-bit (FTP)

ผู้ใช้ใหม่สามารถดาวน์โหลด Firefox 5.0 ได้จากเว็บไซต์ดังนี้

คุณสมบัติใหม่ Firefox 5.0
Firefox 5.0 มีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่และการปรับปรุงการทำงาน ดังต่อไปนี้
  • Added support for CSS animations.
  • Added support for switching Firefox development channels.
  • The Do-Not-Track header preference has been moved to increase discoverability.
  • Improved canvas, JavaScript, memory, and networking performance.
  • Improved standards support for HTML5, XHR, MathML, SMIL, and canvas.
  • Improved spell checking for some locales.
  • Improved desktop environment integration for Linux users.
  • WebGL content can no longer load cross-domain textures.
  • Background tabs have setTimeout and setInterval clamped to 1000ms to improve performance
  • Fixed several stability issues

Security fixes:
Firefox 5.0 มีการแก้ปัญหาความปลอดภัยจำนวน 8 ปัญหา ดังต่อไปนี้
  • MFSA 2011-28 Non-whitelisted site can trigger xpinstall. [Low]
  • MFSA 2011-27 XSS encoding hazard with inline SVG. [Moderate]
  • MFSA 2011-26 Multiple WebGL crashes. [Critical]
  • MFSA 2011-25 Stealing of cross-domain images using WebGL textures. [Moderate]
  • MFSA 2011-22 Integer overflow and arbitrary code execution in Array.reduceRight(). [Critical]
  • MFSA 2011-21 Memory corruption due to multipart/x-mixed-replace images. [Critical]
  • MFSA 2011-20 Use-after-free vulnerability when viewing XUL document with script disabled. [Critical]
  • MFSA 2011-19 Miscellaneous memory safety hazards (rv:3.0/1.9.2.18). [Critical]

ความต้องการระบบ
Firefox 5.0 เวอร์ชันสำหรับ Windows มีความต้องการระบบดังนี้
  • Windows 2000
  • Windows XP (32-bit & 64-bit)
  • Windows Server 2003
  • Windows Vista (32-bit & 64-bit)
  • Windows 7 (32-bit & 64-bit)
ฮาร์ดแวร์
Firefox 5.0 Final มีความต้องการระบบฮาร์ดแวร์ดังนี้
  • Pentium 4 or newer processor that supports SSE2
  • 512MB of RAM
  • 200MB of hard drive space

การติดตั้ง Firefox 5.0
สำหรับผู้ใช้ Firefox 4.0.x หรือเก่ากว่า วิธีการง่ายที่สุดในการติดตั้ง Firefox 5.0 คลิก Firefox Button แล้วเลื่อนเคอร์เซอร์เม้าส์ไปบน Help จากนั้นคลิก About Firefox ในกรณีมีเวอร์ชันใหม่โปรแกรมจะทำการดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติและแจ้งให้ทำการอัปเดทหลังจากดาวน์โหลดแล้วเสร็จ ให้คลิก Apply Update (ในกรณีที่มีเวอร์ชันใหม่) อย่างไรก็ตามวิธีการที่กล่าวมานี้ จะทำงานได้เมื่อโมซิลลาออก Firefox 5.0 Final อย่างเป็นทางการเท่านั้น

สำหรับวิธีการติดตั้ง Firefox 5.0 ด้วยตนเองทำได้โดยการดาวน์โหลดตัวติดตั้งจากเว็บไซต์ในหัวข้อ ดาวน์โหลด Firefox 5.0 Final ด้านบน หลังจากดาวน์โหลดแล้วเสร็จให้ดับเบิลคลิกบนไฟล์ Firefox Setup 5.0.exe แล้วดำเนินการตามคำสั่งบนจอภาพจนแล้วเสร็จ

Firefox 5.0 Final

การใช้งาน Do-Not-Track
สำหรับวิธีการใช้งาน Do-Not-Track ทำได้โดยการคลิก Firefox Button แล้วคลิก Options ในหน้า Options ให้คลิกไอคอน Privacy จากนั้นในหัวข้อ Tracking ให้เลือกเช็คบ็อกซ์หน้า Tell web sites I do not want to be tracked เสร็จแล้วคลิก OK

Do-Not-Track

การใช้งาน Switching Firefox channels
การใช้งาน Switching Firefox channels เพื่อสลับระหว่างเวอร์ชันต่างๆ ของ Firefox นั้นทำได้โดยคลิก Firefox Button แล้วเลื่อนเคอร์เซอร์เม้าส์ไปบน Help จากนั้นคลิก About Firefox ในหน้า About Firefox ให้คลิก Change จากนั้นคลิกเลือกเวอร์ชัน Release, Beta หรือ Aurora จากดร็อปดาวน์ลิสต์ เสร็จแล้วคลิก Apply and Update แล้วรอจนการดาวน์โหลดแล้วเสร็จ จากนั้นคลิก Apply Update แล้วรอจนการอัปเดทเป็นเวอร์ชันใหม่แล้วเสร็จ แล้วทำการรีสตาร์ท Firefox เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Mozilla Firefox 5.0 Final Release Notes

Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.

Friday, June 17, 2011

What's new in Google Chrome 13

สำรวจคุณสมบัติใหม่ใน Google Chrome 13
Google Chrome โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ของกูเกิลเป็นโปรแกรมที่มีการอัพเดทเวอร์ชันใหม่บ่อยมาก ซึ่งในการอัพเดทเวอร์ชันใหม่แต่ละครั้งก็มีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ให้ผู้ใช้ได้ทดลองใช้งานเสมอ เช่นเดียวกันกับ Google Chrome 13.0.782.24 Beta ซึ่งเป็นเวอร์ชันเบต้าตัวแรกของ Google Chrome 13 ที่ออกเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา โดยในเวอร์ชันนี้มีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่จำนวน 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ Print Preview ซึ่งเป็นหน้าตัวอย่างการพิมพ์งานของ Google Chrome ที่ใช้ฟังก์ชัน PDF viewer ในการทำงาน, Instant Pages ซึ่งจะทำการแสดงหน้าเว็บแทบจะในทันทีที่ผู้ใช้คลิกลิงก์ของหน้าเว็บที่ได้จากการค้นหา และ Omnibox สามารถทำการแนะนำยูอาร์แอลและหน้าเว็บที่ผู้ใช้เคยเข้าใช้งานซึ่งสอดคล้องกับคำที่ผู้ใช้ป้อนใน Omnibox ได้ โดยแต่ละคุณสมบัติมีรายละเอียดดังนี้

Thursday, June 16, 2011

การเข้ารหัสข้อมูลบน Removable Drive ด้วย BitLocker To Go ใน Windows 7

ปัจจุบันผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นิยมเก็บข้อมูลไว้ในอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพาอย่างเช่นแฟลชไดร์ฟ (Flash Drive) เนื่องจากสามารถใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการเก็บข้อมูลไว้ในอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพานั้นมีโอกาสที่จะทำให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลได้ง่าย แต่ปัญหาดังกล่าวนี้สามารถป้องกันได้โดยใช้คุณสมบัติ BitLocker To Go ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่ไมโครซอฟท์เพิ่มเข้ามาใน Windows 7

Wednesday, June 15, 2011

Firefox 5.0 Beta 6 is now available for download

Firefox 5.0 Beta 6 ออกให้ดาวน์โหลดแล้ว
อัปเดท 16 มิถุนายน 2554: โมซิลลาออก Firefox 5.0 Beta 7 สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ Download Firefox 5.0 Beta 7 (All Systems & Languages)

วันที่ 14 มิถุนายน 2554: โมซิลลาเปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลด Firefox 5.0 Beta 6 ได้แล้ว ซึ่งเวอร์ชัน Beta 6 นี้เป็นเวอร์ชันเบต้าตัวที่ 4 ที่โมซิลลาออกให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ และเหมือนกับการออกเวอร์ชัน Beta 5 ก่อนหน้านี้ นั้นคือ โมซิลลาไม่เปิดเผยรายละเอียดการปรับปรุงในเวอร์ชัน Beta 6 แต่มีความเป็นไปได้ว่าได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและแก้ปัญหาการทำงานที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้า ทั้งนี้ โมซิลลาได้กำหนดวันออก Firefox 5.0 Final ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 21 มิถุนายน 2554 ศกนี้

Microsoft Releases June 2011 Security Bulletin

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดท 16 ตัว เพื่อแก้ 34 ปัญหาความปลอดภัยใน Windows, Internet Explorer และ Microsoft Office และอีกหลายโปรแกรม

14 มิถุนายน 2554: ไมโครซอฟท์ออกอัพเดทหรือแพตซ์ (Patch Tuesday) ของเดือนมิถุนายน 2554 จำนวน 16 ตัว เพื่อใช้ในการแก้ 34 ปัญหาความปลอดภัยที่พบใน Windows, Microsoft Office, Internet Explorer, Microsoft .NET Framework, Silverlight, Forefront, SQL Server และ Visual Studio โดยมีอัพเดทที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤต (Critical) จำนวน 9 ตัว โดยที่มี 8 ตัวที่เป็นอัพเดทสำหรับ Windows และมีอัพเดทที่มีความร้ายแรงระดับสูง (Important) จำนวน 7 ตัว ในจำนวนนี้มี 5 ตัว ที่เป็นอัพเดทสำหรับ Windows ดังรายละเอียดด้านล่าง

Google Chrome 12.0.742.100 Stable released with Flash Player update

กูเกิลออก Google Chrome 12.0.742.100 Stable เพื่ออัปเดท Flash Player 10.3.181.26
วันที่ 14 มิถุนายน 2554 (เวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา): กูเกิลออก Google Chrome 12.0.742.100 Stable เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows, Mac, Linux และ Chrome Frame โดยในเวอร์ชันนี้ได้รับการอัปเดทปลั๊กอินอะโดบีแฟลชเพลเยอร์ (Adobe Flash Player) เป็นเวอร์ชัน 10.3.181.26 ซึ่งได้รับการแก้ไขปัญหา Memory corruption vulnerability (CVE-2011-2110) ที่อาจทำให้โปรแกรมเกิดการแครชและส่งผลให้เกิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้ในการควบคุมระบบได้ ดังนั้น เพื่อให้การท่องอินเทอร์เน็ตเป็นไปด้วยความปลอดภัย ขอแนะนำผู้ใช้ Google Chrome 12.0.742.91 หรือเก่ากว่าทำการอัปเดทในทันทีที่ทำได้

Tuesday, June 14, 2011

Turning On BitLocker Drive Encryption on a Data Drive in Windows 7

การเข้ารหัสข้อมูลบน Data Drive ด้วย BitLocker Drive Encryption ใน Windows 7
BitLocker Drive Encryption เป็นเทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูลที่ช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือถูกเข้าถึงจากผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เมื่อเกิดกรณีเครื่องคอมพิวเตอร์ถูกขโมย โดยมันจะใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่อิงกับระบบฮาร์ดแวร์ซึ่งมีความปลอดภัยสูงทำให้ข้อมูลต่างๆ ได้รับการคุ้มครองที่ปลอดภัยมากขึ้น BitLocker Drive Encryption สามารถเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดที่เก็บอยู่ในไดรฟ์หรือพาร์ติชันโดยการสมาร์ทการ์ดหรือใช้รหัสผ่านที่ผู้ใช้เป็นผู้กำหนด

BitLocker Drive Encryption ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกใน Windows Vista แต่เนื่องจากเป็นคุณสมบัติขั้นสูงที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในองค์กรเป็นหลัก ดังนั้นไมโครซอฟท์จึงบรรจุคุณสมบัตินี้เฉพาะใน Windows 7 และ Windows Vista รุ่น Ultimate และ Enterprise เท่านั้น

นอกจากนี้ ใน Windows 7 ยังมีคุณสมบัติ BitLocker To Go ซึ่งเป็นพัฒนาขึ้นบนพื้นฐาน BitLocker เพื่อให้สามารถรองรับการเข้ารหัสข้อมูลที่เก็บอยู่ในสื่อเก็บข้อมูลแบบพกพา เช่น แฟลชไดร์ฟ เป็นต้น สำหรับวิธีการใช้งานอ่านได้จาก การเข้ารหัสข้อมมูลบนแฟลชไดรฟ์ด้วย BitLocker To Go

สำหรับบทความนี้จะเป็นการสาธิตวิธีการเข้ารหัสข้อมูลที่เก็บอยู่บนไดรฟ์ข้อมูล (Data Drive) ในระบบปฏิบัติการ Windows 7 Enterprise Service Pack 1 (SP1) ด้วย BitLocker Drive Encryption โดยใช้รหัสผ่าน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. ทำการล็อกออนเข้าระบบด้วยแอคเคาท์กลุ่มแอดมิน จากนั้นคลิก Start แล้วพิมพ์ bitlocker ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิกเลือก BitLocker Drive Encryption ที่แสดงในรายการภายใต้หัวข้อ Programs จะปรากฏหน้าต่าง BitLocker Drive Encryption
2. ในหน้าต่าง BitLocker Drive Encryption ในหัวข้อ Hard Disk Drives ให้คลิกลิงก์ Turn On BitLocker ของไดรฟ์ที่ต้องการดังรูปที่ 1

รูปที่ 1.

3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Choose how you want to unlock this drive ให้เลือกวิธีการปลดล็อกการเข้ารหัสข้อมูล ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ คือ Use a password to unlock the drive เป็นวิธีการปลดล็อกโดยใช้รหัสผ่าน และ Use my smart card to unlock the drive เป็นวิธีการปลดล็อกโดยใช้สมาร์ทการ์ด ในที่นี้เลือกแบบแรก จากนั้นให้ป้อนรหัสผ่านที่จะใช้ปลดล็อกการเข้ารหัสข้อมูลในช่อง Type your password และ Retype your password เสร็จแล้วคลิก Next

รูปที่ 2.

4. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ How do you want to store your recovery key? ดังรูปที่ 3 ให้เลือกวิธีการเก็บคีย์กู้คืนข้อมูล ซึ่งมี 3 แบบด้วยกันคือ Save the recovery key to a USB flash drive ซึ่งเป็นการเก็บไว้ในแฟลชไดรฟ์, Save the recovery key to a file ซึ่งเป็นการเก็บไว้ในไฟล์ และ Print the recovery key ซึ่งเป็นการเก็บไว้โดยการพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ ในที่นี้เลือกแบบแรก (ในการใช้งานจริงนั้นท่านสามารถเลือกรูปแบบใดก็ได้ที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด)

รูปที่ 3.

จากนั้น ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Save a Recovery Key to a USB Drive ดังรูปที่ 4 ให้คลิกเลือกแฟลชไดรฟ์ที่ต้องการใช้เก็บคีย์กู้คืนข้อมูล เสร็จแล้วคลิก Save รอจนการทำงานแล้วเสร็จ จากนั้นให้คลิก Next ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ How do you want to store your recovery key? เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป

รูปที่ 4.

5. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Are you ready to encrypt this drive? ดังรูปที่ 4 ให้คลิก Start Encrypting เพื่อเริ่มเข้ารหัสข้อมูลบน Data Drive (ในที่นี้คือไดรฟ์ D:) แล้วรอจน BitLocker ทำการเข้ารหัสข้อมูลจนแล้วเสร็จซึ่งอาจใช้เวลานานหลายสิบนาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของไดรฟ์

รูปที่ 5.

6. หลังจากทำการเข้ารหัสข้อมูลเสร็จจะปรากฏหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Encryption of D: is complete. ดังรูปที่ 6. จากนั้นให้คลิก Close เพื่อจบการทำงาน แล้วทำการรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้การเข้ารหัสข้อมูลเสร็จสมบูรณ์

รูปที่ 6.

ผลการทำงาน
หลังจากทำการเข้ารหัสข้อมูลด้วย BitLocker เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อยูสเซอร์ที่ไม่เจ้าของ​ข้อมูล (เจ้าของข้อมูลคือคนที่ทำกา​รเข้ารหัสข้อมูล) พยายามจะเข้าถึงข้อมูล จะแสดงหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ให้ป้อนรหัสผ่านดังรูปที่ 7. ถ้าไม่มีรหัสผ่านก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ ทั้งนี้สามารถกำหนดให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำการปลดล็อคการเข้ารหัสโดยอัตโนมัติโดยการเลือกเช็คบ็อกซ์ Automatically unlock om this computer from now on และหากต้องการให้แสดงตัวอักษรที่พิมพ์ให้ทำการเลือกเช็คบ็อกซ์ Show password characters as i type them

รูปที่ 7.

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
การเข้ารหัส System ไดรฟ์ของ Windows 7 ด้วย BitLocker Drive Encryption

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Microsoft Technet
Microsoft

Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, June 13, 2011

AccessNow โปรแกรมสำหรับใช้ทำ Remote Access จากโปรแกรม Web Browser

การทำงานแบบรีโมทนั้นเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันดีกับแอดมิน ซึ่งแอดมินส่วนใหญ่แล้วจะใช้ Remote Desktop Services ที่แถมให้มาพร้อมกับ Windows หรือบางคนก็จะใช้โปรแกรมแบบเธิร์ดพาร์ตี้อย่าง TeamViewer หรือ VNC ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นโปรแกรมแบบ Desktop Client แต่ในอนาคตการทำงานแบบรีโมทจะสามารถทำได้จากภายในโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ได้เหมือนกับการเปิดหน้าเว็บ โดยใช้โปรแกรม AccessNow ที่บริษัทพัฒนาโดยบริษัท Ericom ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในเวอร์ชัน Beta

Sunday, June 12, 2011

What's new in Google Chrome 12

สำรวจคุณสมบัติใหม่ใน Google Chrome 12
Google Chrome 12.0.742.91 เวอร์ชันเสถียรตัวแรกของเวอร์ชัน 12 ซึ่งออกเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2554 นั้นมีคุณสมบัติใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ สามารถเรียกใช้แอปด้วยชื่อได้จาก Omnibox โดยตรง, คุณสมบัติ Sync จะถูกรวมเข้ากับหน้าการตั้งค่าแบบใหม่, มีฟังก์ชัน Safe Browsing protection ที่ช่วยให้การดาวน์โหลดข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมีความปลอดภัยมากขึ้น, ผู้ใช้สามารถลบคุ๊กกี้ของปลั๊กอินแฟลชได้จากภายในโปรแกรม Google Chrome และสามารถรองรับ Hardware-accelerate แบบ 3D CSS ได้อย่างสมบูรณ์ โดยแต่ละคุณสมบัติมีรายละเอียดดังนี้

Saturday, June 11, 2011

Microsoft Security Bulletin Advance Notification for June 2011

ไมโครซอฟท์เตรียมออก 16 อัปเดทเพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัยใน Windows, Internet Explorer และ Microsoft Office และอีกหลายโปรแกรม

กลับมาพบกับงานหนักอีกครั้งสำหรับแอดมินที่รับผิดชอบงานอัปเดทระบบนื่องจากไมโครซอฟท์เตรียมออกอัปเดทหรือแพตซ์ (Patch) ของเดือนมิถุนายน 2554 จำนวน 16 ตัว เพื่อแก้ 34 ปัญหาความปลอดภัยที่พบใน Windows, Microsoft Office, Internet Explorer, Microsoft .NET Framework, Silverlight, Forefront, SQL Server และ Visual Studio โดยมีอัปเดทที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤต (Critical) เป็นจำนวนถึง 9 ตัว ในจำนวนนี้มีถึง 8 ตัวเป็นอัปเดทสำหรับ Windows และมีอัปเดทที่มีความร้ายแรงระดับสูง (Important) จำนวน 7 ตัว ในจำนวนนี้มีถึง 5 ตัว เป็นอัปเดทสำหรับ Windows ดังรายละเอียดด้านล่าง

Friday, June 10, 2011

Download Firefox 5.0 Beta 5

Firefox 5.0 Beta 5 ออกให้ดาวน์โหลดแล้ว

วันที่ 10 มิถุนายน 2554: โมซิลลาเปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลด Firefox 5.0 Beta 5 ได้แล้ว ซึ่งเวอร์ชัน Beta 5 นี้เป็นเวอร์ชันเบต้าตัวที่ 3 ที่โมซิลลาออกให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ สำหรับคุณสมบัติใหม่ในเวอร์ชัน Beta 5 ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คิดว่าได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและแก้ปัญหาการทำงานที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้า ทั้งนี้ โมซิลลาได้กำหนดวันออก Firefox 5.0 Final ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 21 มิถุนายน 2554 ศกนี้

Thursday, June 9, 2011

วิธีการล็อกออนเข้า Windows 7 โดยอัตโนมัติ


ในขั้นตอนการติดตั้ง Windows 7 นั้น ถ้าไม่ได้ทำการกำหนดรหัสผ่านให้กับแอคเคาท์ตัวแรกที่สร้างขึ้น จะส่งผลให้สามารถล็อกออนเข้าสู่ระบบ Windows 7 โดยอัตโนมัติเมื่อทำการเปิดหรือรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ถ้ามีการกำหนดรหัสผ่านให้กับแอคเคาท์ตัวแรกที่สร้างในขั้นตอนการติตตั้งก็จะส่งผลให้ต้องป้อนรหัสผ่านทุกครั้งก่อนเข้าใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้งาน

วันนี้ ผมจึงนำเทคนิคการล็อกออนเข้า Windows 7 โดยไม่ต้องป้อนรหัสผ่านมาฝาก วิธีการนี้ไม่รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมในแบบโดเมน (Active Directory Domain Services - AD DS)

Wednesday, June 8, 2011

Google Chrome 12.0.742.91 Stable released, adds support Hardware accelerated 3D CSS

กูเกิลออก Google Chrome 12.0.742.91 เวอร์ชันเสถียรตัวแรกของเวอร์ชัน 12.0
วันที่ 7 มิถุนายน 2554: กูเกิลได้อัปเดท Google Chrome เวอร์ชันเสถียรจากเวอร์ชัน 11.0 เป็นเวอร์ชัน 12.0 แล้ว โดยการออก Google Chrome 12.0.742.91 Stable เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows, Mac, Linux และ Chrome Frame ซึ่งนับเป็นเวอร์ชันเสถียรตัวแรกของ Google Chrome 12.0 ในเวอร์ชันใหม่นี้มีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่หลายอย่าง ได้แก่ สามารถรองรับ Hardware-accelerate แบบ 3D CSS ได้อย่างสมบูรณ์แบบ, มีฟังก์ชัน Safe Browsing protection แบบใหม่ที่ทำให้การดาวน์โหลดข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมีความปลอดภัยมากขึ้น, สามารถลบคุ๊กกี้ของปลั๊กอินแฟลช (Flash cookies) ได้จากภายในโปรแกรม Google Chrome, สามารถเรียกใช้แอปด้วยชื่อได้จาก Omnibox โดยตรง, การรองรับ Screen Reader ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น และยังรวมคุณสมบัติ Sync เข้าอยู่ในหน้าการตั้งค่าแบบใหม่อีกด้วย

Tuesday, June 7, 2011

ข้อจำกัดของขนาดหน่วยความจำที่สามารถรองรับได้ใน Windows

Windows แต่ละเวอร์ชันจะมีข้อจำกัดในการรองรับขนาดหน่วยความจำ (Physical Memory) สูงสุดแตกต่างกันโดยจะขึ้นอยู่กับแพล็ตฟอร์มและเวอร์ชันของ Windows ซึ่ง Windows บนแพล็ตฟอร์ม 32-บิตจะสามารถรองรับหน่วยความจำทางกายภาพได้สูงสุดเพียง 4 GB ในขณะที่แพล็ตฟอร์ม 64-บิต นั้นสามารถรองรับหน่วยความจำทางกายภาพได้สูงสุดถึง 192 GB สำหรับ Windows เวอร์ชันสำหรับเดสก์ท็อปและ 2 TB สำหรับ Windows เวอร์ชันสำหรับเซิร์ฟเวอร์

Monday, June 6, 2011

Google Chrome 11.0.696.77 Stable released with Flash Player update

กูเกิลออก Google Chrome 11.0.696.77 Stable เพื่ออัปเดท Flash Player 10.3.181.22
วันที่ 5 มิถุนายน 2554 (เวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา): กูเกิลออก Google Chrome 11.0.696.77 Stable เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows, Mac, Linux และ Chrome Frame โดยในเวอร์ชันนี้ได้รับการอัปเดทปลั๊กอิน Adobe Flash Player เป็นเวอร์ชัน 10.3.181.22 ซึ่งได้รับการแก้ไขปัญหา Universal cross-site scripting vulnerability (CVE-2011-2107) ที่สามารถใช้ในการทำงานบางอย่างโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ดังนั้น เพื่อให้การท่องอินเทอร์เน็ตเป็นไปด้วยความปลอดภัย ขอแนะนำผู้ใช้ Google Chrome 11.0.696.71 หรือเก่ากว่าทำการอัปเดทในทันทีที่ทำได้

Sunday, June 5, 2011

ความต้องการระบบของ Windows 8

29 กุมภาพันธ์ 2555 - ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Windows 8 Consumer Preview แล้ว

สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้ Windows กังวลเมื่อไมโครซอฟท์เตรียมออกระบบปฏิบัติการ Windows เวอร์ชันใหม่คือ กลัวว่าคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าจะไม่สามารถรองรับ Windows ตัวใหม่ได้ แต่นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่เพิ่งจะซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่เพื่อลง Windows 7 เนื่องจากมีรายงานว่าความต้องการระบบฮาร์ดแวร์ของ Windows 8 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันถัดไปของไมโครซอฟท์นั้นเหมือนกับ Windows 7 และถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากไมโครซอฟท์ แต่ก็มีรายงานว่าได้รับการยืนยันเป็นการภายในโดย Lee Stott ซึ่งเป็น Academic Evangelist ของไมโครซอฟท์ประเทศอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ Windows 8 จะใช้ได้กับระบบฮาร์ดแวร์เดียวกับ Windows 7 แต่เนื่องจากใน Windows 8 นั้นมีการยกเครื่องการทำงานด้านเทคโนโลยีด้านกราฟิกให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นฮาร์ดแวร์ตัวหนึ่งที่อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อที่จะใช้ความสามารถทางด้านกราฟิกของ Windows 8 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพคือ กราฟิกการ์ด (Graphics card) ทั้งนี้ ผู้ใช้จะยังคงใช้งาน Windows 8 ได้ แม้ไม่ทำการอัพเกรดกราฟิกการ์ด เพียงแต่จะไม่สามารถใช้งานด้านกราฟิกบางอย่างได้เท่านั้น

System Requirements สำหรับ Windows 8
Windows 8 มีความต้องการระบบขั้นต่ำดังนี้
  • CPU: ซีพียูความเร็ว 1 GHz หรือเร็วกว่า 32-bit (x86) หรือ 64-bit (x64)
  • Memory: หน่วยความจำอย่างน้อย 1 GB สำหรับ Windows 8 32-bit และ 2 GB สำหรับ Windows 8 64-bit
  • Disk space: พื้นที่ฮาร์ดดิสก์อย่างต่ำ 16 GB สำหรับ Windows 8 32-bit และ 20 GB สำหรับ Windows 8 64-bit
  • Graphics card: อุปกรณ์กราฟิกรองรับ DirectX 9 พร้อมไดรเวอร์ Windows Display Driver Model (WDDM)
  • Other: การใช้งานแบบระบบสัมผัส (Touch) ต้องใช้แท็บเล็ต (Tablet) หรือจอภาพที่สนับสนุนมัลติทัช (Multitouch)
  • Windows Store: การเข้าถึง Windows Store เพื่อดาวน์โหลดและรันแอพต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และต้องการแสดงผลที่ความละเอียดอย่างน้อย 1024 x 768
  • การสแนปแอพ ต้องใช้การแสดงผลที่ความละเอียดอย่างน้อย 1366 x 768
  • Secure boot ต้องใช้เฟิร์มแวร์ที่สนับสนุน UEFI v2.3.1 Errata B และมี Microsoft Windows Certification Authority ในฐานข้อมูลลายเซ็น UEFI
  • บางเกมและบางโปรแกรมอาจต้องใช้การ์ดแสดงผลที่สามารถทำงานร่วมกับ DirectX 10 หรือสูงกว่าเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด
  • ต้องมีบัญชี Microsoft สำหรับการเข้าถึงบางคุณลักษณะ
  • การชม DVD จะต้องติดตั้งซอฟต์แวร์การเล่นแยกต่างหาก
  • จำหน่ายสิทธิ์การใช้งาน Windows Media Center แยกต่างหาก
  • BitLocker To Go ต้องใช้แฟลชไดรฟ์ USB (Windows 8 Pro เท่านั้น)
  • BitLocker ต้องใช้ Trusted Platform Module (TPM) 1.2 หรือแฟลชไดรฟ์ USB (Windows 8 Pro เท่านั้น)
  • ไคลเอ็นต์ Hyper-V ต้องใช้ระบบ 64 บิต ที่มีความสามารถในการแปลที่อยู่ระดับที่สอง (SLAT) และ RAM เพิ่มเติม 2 GB (Windows 8 Pro เท่านั้น)
  • ต้องมีเครื่องรับสัญญาณทีวีเพื่อเล่นและบันทึกรายการทีวีถ่ายทอดสดใน Windows Media Center (ชุด Windows 8 Pro และชุด Windows 8 Media Center เท่านั้น)
  • เนื้อหาทีวีทางอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการฟรีจะแตกต่างกันตามพื้นที่ เนื้อหาบางอย่างอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม (ชุด Windows 8 Pro และชุด Windows 8 Media Center เท่านั้น)

หมายเหตุ: ความต้องการระบบของ Windows 8 ด้านบนเป็นข้อมูลที่ได้รับการยืนยันจากไมโครซอฟท์แล้ว

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.

ไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 8 Preview อย่างทางการ

หลังจากมีข่าว Windows 8 ระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ของไมโครซอฟท์หลุดออกมาให้ติดตามเป็นระยะๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ได้สาธิตการทำงาน Windows 8 อย่างทางการในงาน D9 Conference ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา โดยในการสาธิตนั้นไมโครซอฟท์เน้นไปที่ระบบอินเทอร์เฟชของ Windows 8 ซึ่งพัฒนาขึ้นมาสำหรับระบบฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ที่เป็นแบบ Touch-centric ที่ทำงานได้เร็วขึ้น มีความลื่นไหลและเป็นไดนามิคมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ใช้งาน Windows ในรูปแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น

Friday, June 3, 2011

Firefox 5.0 Beta 3 now available for download

Firefox 5.0 Beta 3 ออกให้ดาวน์โหลดแล้ว

วันที่ 1 มิถุนายน 2554 (เวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา) ที่ผ่านมา โมซิลลาเปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลด Firefox 5.0 Beta 3 ได้แล้ว ซึ่งเวอร์ชัน Beta 3 นี้เป็นเวอร์ชันเบต้าตัวที่สองที่ออกอย่างเป็นทางการ สำหรับคุณสมบัติใหม่ในเวอร์ชัน Beta 3 ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นการปรับปรุงการทำงานในด้านต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งนี้ โมซิลลาได้กำหนดวันออก Firefox 5.0 Final ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 21 มิถุนายน 2554 ศกนี้